คุยให้ครบทุกช่วงวัย กับ “ทำอย่างไรให้ประเทศไทยหนุ่มสาวขึ้น?”

คุยให้ครบทุกช่วงวัย กับ “ทำอย่างไรให้ประเทศไทยหนุ่มสาวขึ้น?”

กิจกรรม TDRI Annual Public Virtual Conference 2022 ตั้งโจทย์ไว้ว่า “ทำอย่างไรให้ประเทศไทยหนุ่มสาวขึ้น?”

ในช่วงเสวนา ผมได้มีโอกาสชวน…

  • คุณไครียะห์ ระหมันยะ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  • ดร.จันจิรา สมบัติพูนศิริ นักวิจัยจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • คุณภาคิน นิมมานนรวงศ์ ครูวิชาสังคมศึกษา โรงเรียนกำเนิดวิทย์
  • คุณวีรพร นิติประภา นักเขียนรางวัลซีไรต์
  • คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ Co-Founder & CEO บริษัท Techsauce

สนุกดีครับ ครบถ้วนในมุมของการทำให้ประเทศหนุ่มสาวขึ้น และ มองลึกกว่าการมองแค่อายุ แต่ชวนคิดกันถึงระบบที่เป็นตัวฉีกให้ความต่างมันชัดขึ้น

จบงานไลฟ์ถ่ายนี้กัน ตอนแรกจะถ่ายแบบเรียบร้อยตามธรรมเนียม แต่พี่แหม่มบอกว่าภาพทานน้ำส้มแบบนี้แหล่ะดูมีสไตล์ดี / ขอบคุณวิทยากรทุกท่านเลยครับ เป็นเซสชั่นที่กลมกล่อมและสนุกมากๆ ครับ

จากซ้ายไปขวา คุณภาคิน คุณวีระพร อาจารย์จัน คุณมิหมี น้องยะห์ และผม

รวมรวบข้อมูลวีดีโอ – โพสต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการควบรวบทรู-ดีแทค

รวมรวบข้อมูลวีดีโอ – โพสต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการควบรวบทรู-ดีแทค

เรื่องการควบรวมทรู-ดีแทคเป็น 1 ในมหากาพย์ของการทำงานสื่อสารที่น่าสนใจเลยอยากทดไว้ว่า มีอะไรบ้างที่น่าชวนดู (+ เก็บเป็นบันทึกเท่าที่เปิดเผยได้นะครับ)

อันนี้ เป็นการทำงานในส่วนของเว็บ TDRI

ที่เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้กราฟฟิกจากทีม iLaw คือ น้องฟ้าที่มีลายเส้นสวยงามน่าประทับใจมาก

อันนี้เป็นคลิปที่คุยกับ The standard ว่าเรื่องนี้ต้องเล่นนะครับ เลยได้คลิปออกมา 2 คลิป ในเวอร์ชั่น อ.สมเกียรติเล่าเอง กับ คุณอ๊อฟของ The Standard ที่ช่วยรวบรวมประเด็นไว้

ส่วนอันนี้ ยกความครีเอทให้ คุณเค๊ก ของ WorkPoint ที่เอาของเล่นมาช่วยเป็น Prop ในการอธิบายตัวละครต่างๆ

ส่วนอันนี้ คือ ขุ่นแม่ เสาหลักวงการสื่อ คุณจอมขวัญลุยเองครับ ในรายการ นิติพิศวง

และหลัง มติของ กสทช. ออกมา สรุปว่า “ควบรวม” จากคำตัดสินมติเป็น 2-2-1 ไม่ใช่ 3-2

ที่ผลการลงคะแนนเสียงครั้งนี้ ก็ดีตรงที่ฉีกหน้ากากออกมาเลยว่า…

“กสทช.” ที่เป็นตัวแทนของการคุ้มครองผู้บริโภค และตัวแทนของการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ สองคนนี้ ลงคะแนน “สนับสนุนควบรวม”

สิ่งที่น่าทดไว้คือ ความเห็นส่วนตัวในการลงคะแนน

คนแรกที่เปิดก่อน คือ ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต โพสใน facebook ไว้ว่า

“…ในทางกฎหมาย การตัดสินใจสงวนความเห็นที่จะรับทราบการรวมธุรกิจ และยืนยันที่จะไม่อนุญาต เพราะเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการถือครองธุรกิจประเภทเดียวกันซึ่งสามารถส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางในตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในแง่การลดหรือจำกัดการแข่งขัน การคุ้มครองผู้บริโภค และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่องมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องค่ะ

เหตุผลสนับสนุนมี 7 ข้อหลักดังต่อไปนี้ค่ะ

1) เมื่อรวมธุรกิจ TRUE และ dtac แล้ว จะทำให้เกิดบริษัทใหม่ (NewCo) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) ดังนั้น ทั้ง TUC และ DTN จะกลายเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีความความสัมพันธ์กันทางนโยบาย หรืออำนาจสั่งการเสมือนเป็นหน่วยธุรกิจเดียวกัน (Single Economic Entity) ที่ไม่มีการแข่งขันระหว่างกันตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ทั้งนี้ ก่อนการรวมธุรกิจ TUC มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 31.99 และ DTN มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 17.41 ภายหลังการรวมธุรกิจ NewCo จะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 49.40 และทำให้ในตลาดเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 2 ราย หรือเกิดสภาวะ Duopoly

2) SCF Associates Ltd. ที่ปรึกษาอิสระจากต่างประเทศซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแข่งขันและนโยบายการสื่อสารระดับโลกสรุปว่า จากการศึกษาแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบต่อผู้บริโภคมากกว่าข้อดีที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งมาตรการเฉพาะเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถเป็นจริงได้ทั้งหมดในบริบทของตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทย เช่น การสนับสนุนให้เกิดผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (MNO) รายใหม่, การส่งเสริมการแข่งขันในตลาดค้าส่ง, การร่วมใช้คลื่น (Roaming) และการโอนคลื่นความถี่ (Spectrum Transfer) เป็นต้น

ในบริบทของเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องลดช่องว่างทางดิจิทัลอย่างประเทศไทย โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอุปกรณ์ที่คนใช้มากที่สุดเพื่อเชื่อมต่อออนไลน์ การรวมธุรกิจซึ่งจะนำไปสู่การกระจุกตัวของตลาด และโอกาสที่ค่าบริการจะสูงขึ้น จึงไม่สมควรอนุญาตด้วยเหตุผลเพื่อการพัฒนาประเทศที่ต้องพึ่งพิงตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการแข่งขันสูงและเป็นตัวกระตุ้นทางเศรษฐกิจ

3) การบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจภายใต้เงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะต่างๆ ที่บังคับผู้ขอรวมธุรกิจนั้น ไม่น่าจะช่วยเพิ่มระดับการแข่งขันในตลาดได้ และอาจเป็นไปได้ยากในภายหลังจากการควบรวม โดยในส่วนของ กสทช. ก็จะต้องใช้อำนาจทางกฎหมายและทรัพยากรในการกำกับดูแลอย่างมาก โดยไม่อาจคาดหมายได้ว่าเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันในตลาดได้เช่นเดียวกับที่เคยมีอยู่ก่อนการควบรวมหรือไม่

4) ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่แสดงถึงประโยชน์ต่อสาธารณะ จากเอกสารประกอบการขอรวมธุรกิจ ยังไม่ชัดเจนและเพียงพอ

5) การรวมธุรกิจมีโอกาสนำไปสู่การผูกขาดและกีดกันการแข่งขัน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 40, 60, 61 และ 75 และขัดต่อแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 ที่ต้องเพิ่มระดับการแข่งขันของการประกอบกิจการโทรคมนาคม

6) การให้รวมธุรกิจจะส่งผลกระทบกว้างขวางและต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้งยังหวนคืนไม่ได้ เพราะตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยอยู่ในภาวะอิ่มตัว ทำให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดและเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดได้ยาก เช่นกรณีการรวมธุรกิจของเม็กซิโกและฟิลิปปินส์ ตามรายงานของที่ปรึกษาอิสระจากต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะหวนคืนจากภาวะผูกขาดโดยผู้ประกอบการหนึ่งหรือสองรายไปสู่สภาพการแข่งขันก่อนการรวมธุรกิจ

7) หนึ่งในผู้ขอรวมธุรกิจมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจใกล้ชิดกับกลุ่มธุรกิจครบวงจร (Conglomerate) รายใหญ่ ซึ่งครอบครองตลาดสินค้าและบริการในระดับค้าปลีกและค้าส่งของทั้งประเทศ จึงมีโอกาสที่จะขยายตลาดโดยใช้กลยุทธ์ขายบริการแบบเหมารวม ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกันกับผู้ประกอบการรายอื่น…”

https://www.facebook.com/pirongrong.ramasoota/posts/pfbid0Ryvrwv1gQfZin71KcxSxp1zGAKvtAYKkTxU4ucZrCGzmE3UfejT8DEAp8Tp5BeB5l

ส่วน รศ. ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการด้านเศรษฐศาสตร์ สรุปประเด็นข้อวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ และความเห็นทางเศรษฐศาสตร์ เรื่องการควบรวมกิจการทรูและดีแทค ไว้ 6 ประเด็นดังนี้

1. ในทางกฎหมาย กสทช.มีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตในการรวมธุรกิจ ตามมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ข้อ 9 ของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ประกอบกับข้อ 8 ของประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน ในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549

2. การรวมธุรกิจระหว่าง 2 บริษัทดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดที่เกี่ยวข้องมีค่าดัชนี Herfindahl-Hirschman Index (HHI) มากกว่า 2,500 และเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 100 ไม่ว่าจะคำนวณมาจากส่วนแบ่งตลาด ซึ่งคิดจากจำนวนผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการในตลาดแต่ละราย หรือส่วนแบ่งตลาดจากรายได้ของผู้ให้บริการก็ตาม

โดยผลการศึกษาซึ่งคำนวณค่า HHI จากจำนวนผู้ใช้บริการ พบว่าตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ หลังการรวมธุรกิจ HHI เพิ่มขึ้นจาก 3,612 เป็น 4,725 หรือเพิ่มขึ้น 1,113 และตลาดบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้นจาก 3,511 เป็น 4,745 หรือเพิ่มขึ้น 1,234

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อตลาดต้นน้ำในระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) โดยตลาดบริการการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หลังการรวมธุรกิจ HHI เพิ่มขึ้นจาก 3,773 เป็น 5,000 หรือเพิ่มขึ้น 1,227 ตลาดบริการขายส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้นจาก 2,979 เป็น 3,393 เพิ่มขึ้น 414 และตลาดบริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้นจาก 3,356 เป็น 5,024 หรือเพิ่มขึ้น 1,668

3. มีความเป็นไปได้สูงที่การรวมธุรกิจจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันทางธุรกิจที่ก่อให้เกิดอำนาจตลาดสูง (Collusion) ซึ่งจะส่งผลต่อการแข่งขัน เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ยาก หรือไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ผู้ประกอบการรายใหม่จะเข้าสู่ตลาด

4. ผลกระทบจากการรวมธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมมีสูงมาก ซึ่งประกอบด้วย

  • อัตราค่าบริการ (Price) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และทางเลือกในการรับบริการน้อยลง
  • ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) มีแนวโน้มลดลง และจะไม่ส่งผ่านไปสู่ผู้บริโภค
  • ผู้รวมธุรกิจไม่มีแรงจูงใจในการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี หรือถ้ามีก็ล่าช้า
  • คุณภาพการให้บริการ (Quality of Services) ของผู้ประกอบการในตลาดอาจลดลง
  • อุปสรรคการเข้าสู่ตลาด (Barriers to Entry) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้
  • ผู้รวมธุรกิจอาจลงทุนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อให้เกิดบริการทั่วถึง เนื่องจากเมื่อผู้ให้บริการขาดแรงจูงใจในการแข่งขันแล้ว จึงทำให้ไม่เข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนต่ำ หรือลงทุนในพื้นที่เหล่านั้นน้อยลง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ย่อมทำให้ “ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการโทรคมนาคม” เพิ่มสูงขึ้น จนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide)
  • ผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และต่อ GDP ที่ทำให้ GDP มีแนวโน้มลดลง และอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีการรวมธุรกิจ

5. ดังนั้น การรวมธุรกิจระหว่างทรู และดีแทค เป็นการดำเนินการที่มีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสาธารณชน และสังคมโดยรวม

ทั้งนี้ ประโยชน์จากการรวมธุรกิจยังขาดความชัดเจน ว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงใดจากการรวมธุรกิจในครั้งนี้ ซึ่งในกระบวนการของการพิจารณาก็ได้พยายามประเมินผลดีของการรวมธุรกิจผ่านวิธีการต่าง ๆ แต่ผลยังไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดที่มาบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดต่อสาธารณชน เศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาประเทศได้

6. จากการศึกษาและประสบการณ์ในอดีตของประเทศต่าง ๆ ที่เกิดการรวมธุรกิจและเหลือผู้ประกอบการ 2 รายในตลาด พบว่าเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ (Remedies) ไม่สามารถป้องกันหรือลดทอนผลกระทบอันเกิดจากระดับการผูกขาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพได้ 

ดังนั้น จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น และเพื่อไม่ให้ประเทศต้องเผชิญกับความเสี่ยงดังกล่าว ผมจึงไม่เห็นด้วยในการพิจารณาอนุญาตการรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)

ที่มา: ประชาไท

คนที่สาม ต่อพงษ์ เสลานนท์ กสทช. ที่มาในนามตัวแทนด้านคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ในความเห็นส่วนตัวกรณีการควบรวมไว้ดังนี้

“…จากกรณีการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จํากัด (มหาชน) ข้าพเจ้ามีความเห็นข้อกฎหมาย ดังนี้


พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 มาตรา 4 มิให้ใช้บังคับแก่การกระทํา ของ (4) ธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะกํากับดูแลในเรื่องการแข่งขันทางการค้า ดังนั้น เมื่อ กสทช. มีประกาศ เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะตาม (4) แล้ว กรณีการรวมธุรกิจ ระหว่างสองบริษัทดังกล่าวจึงไม่อยู่ภายใต้อํานาจหน้าที่ของสํานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า

การรวมธุรกิจ ตามประกาศฉบับ พ.ศ.2561 ข้อ 5 วรรคหนึ่ง ที่ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มี อํานาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตรวมกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นหรือผู้มีอํานาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตราย อื่น แล้วเกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

การเข้าถือครองธุรกิจ ตามประกาศฉบับ พ.ศ.2549 ข้อ 8 เพื่อจะเข้าควบคุมนโยบายหรือ การบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น โดยการเข้าซื้อหรือถือหุ้นของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นหรือเพื่อเข้าซื้อ สินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น เห็นว่ากรณีนี้ ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 2 รายยังคงดําเนิน ธุรกิจต่อไปเหมือนเดิม

พฤติการณ์ดังกล่าวมีผลทําให้ผู้รับใบอนุญาตทั้ง 2 ราย อาจจะบริหารธุรกิจโดยคนกลุ่มเดียวกัน จึงทําให้สามารถรวมหัวหรือสมรู้ร่วมคิดกันกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งในการดําเนินธุรกิจ อันอาจ ส่งผลให้เกิดการผูกขาด หรือลด หรือจํากัดการแข่งขันในการให้บริการโทรคมนาคม จึงจะต้องได้รับอนุญาต จากคณะกรรมการก่อน

ส่วนการรวมธุรกิจตามประกาศฉบับ พ.ศ.2561 ข้อ 5 วรรคหนึ่ง มีความแตกต่างกับการถือ ครองธุรกิจรายอื่น คือ ไม่ได้จะเข้าควบคุมนโยบาย หรือการบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นแต่อย่างใด


วิธีการถือครองธุรกิจตามประกาศฉบับ พ.ศ.2549 ข้อ 8 โอกาสจะมีผลกระทบต่อตลาด โทรคมนาคมรุนแรงเสียหายมากกว่าการรวมธุรกิจตามประกาศฉบับ พ.ศ.2561 ข้อ 5 วรรคหนึ่ง เพราะมี ความประสงค์ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า กระทําเพื่อจะเข้าควบคุมนโยบาย หรือการบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาต รายอื่น

การรวมธุรกิจตามประกาศฉบับ พ.ศ.2561 ข้อ 5 วรรคหนึ่ง จึงสามารถป้องกันผลกระทบ ความเสียหายล่วงหน้าได้ ตามข้อ 12 ในประกาศดังกล่าว

ส่วนการถือครองธุรกิจตามประกาศฉบับ พ.ศ.2549 ไม่สามารถกําหนดเงื่อนไขหรือมาตรการ เฉพาะล่วงหน้าได้

มาตรการเฉพาะตาม หมวด 4 จะนํามาใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีผลกระทบเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว เป็นมาตรการเฉพาะสําหรับใช้ลงโทษกรณีก่อให้เกิดผลกระทบมีความเสียหาย

เมื่อไม่เข้าข่ายข้อ 8 ตามประกาศ กทช. ฉบับ พ.ศ. 2549 คณะกรรมการ กสทช. จึงไม่มีอํานาจที่จะพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจ แต่คงมีอํานาจที่จะกําหนดเงื่อนไขหรือนํามาตรการ เฉพาะสําหรับผู้มีอํานาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสําคัญ ตามข้อ 12 ประกาศ กสทช. ฉบับ พ.ศ. 2561 ที่ออก มาตรการตามความมาตรา 27 (11) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบ กิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553

ส่วนคนสุดท้ายที่เป็น ประธานกสทช. ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ (วันนี้ 27 Oct) ยังไม่มีการเปิดเผยความเห็นส่วนตัวออกมานะครับ แต่ก็ไม่ต้องคาดหวังกันหรอกครับ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีประวัติการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ไม่เคยมีประวัติการทำงานในธุรกิจสื่อสารหรือโทรคมนาคมมาก่อน แต่ผ่านกระบวนการสรรหา สว.ลงมติเป็นกรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค … ก็เท่านั้นเอง

สุดท้าย หลังจาก “มติอัปยศ” ออกมา อ.สมเกียรติ โพสใน facebook ไว้ที่ << โดยมีคำแนะนำว่า…

ประชาชนโดยเฉพาะองค์กรผู้บริโภคควรดำเนินการดังต่อนี้
1. ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลยกเลิกมติของ กสทช. ที่ปล่อยให้มีการควบรวมกิจการ และขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวอย่าให้มีการควบรวมก่อนมีคำตัดสิน  
2. ดำเนินการเพื่อฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการที่ กสทช. อนุญาตให้ควบรวมแล้วมีผลทำให้บริการโทรคมนาคมซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน จะมีค่าบริการที่สูงขึ้นในอนาคตและเป็นภาระต่อประชาชนตามที่มีผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ไว้ ซึ่งจะทำให้การกระทำของ กสทช. ขัดต่อมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญก็กำลังพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับกิจการไฟฟ้าโดยอ้างมาตราเดียวกันอยู่  
3. ร่วมมือกับองค์กรด้านต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นร้องเรียนให้ ปปช. ตรวจสอบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. 
4. เรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติโดยเฉพาะ สส. ตรวจสอบ กสทช. อย่างเข้มข้น และพิจารณาแก้ไขกฎหมาย กสทช. ครั้งใหญ่เพื่อปฏิรูป กสทช. และสำนักงาน กสทช. ให้มีความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อประชาชน  
5. รณรงค์ให้ประชาชนและผู้บริโภคแสดงออก โดยงดซื้อสินค้าและบริการจากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทุนผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ อาหารและอาหารสัตว์ อินเทอร์เน็ต ระบบการชำระเงินและกิจการอื่นๆ 

ก้าวเฉพาะหน้า… เพื่อน้อง

ก้าวเฉพาะหน้า… เพื่อน้อง

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา กสศ. ชวนผมไปร่วมพิจารณาทุน “ก้าวเพื่อน้อง” ของพี่ตูน ซึ่งก็เป็นปีที่สองที่ได้รับคำชวนให้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน และพอเป็นปีที่ 2 เลยจับความรู้สึกและความต่างที่พอสังเกตอะไรบางอย่างได้ เลยอยากแชร์ให้ฟังกัน 

“ทุนก้าวเพื่อน้อง” จะให้กับนักเรียนที่กำลังจะจบ ม. 3 เพื่อให้ได้เรียนต่อ ม.ปลาย/วิชาชีพ แบบที่มีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้พร้อมกับค่าเล่าเรียนตลอด 3 ปี เป็นเงิน 264,000 บาท ในขณะที่ทุนอื่นอาจได้เป็นรายปีหรือเป็นรายครั้ง และอันที่จริง ทุนระดับ ม.ปลาย/วิชาชีพในบ้านเรามีจำกัดมากกว่าระดับอื่นๆ เพราะอยู่นอกเหลือการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว ในมุมของรัฐจึงคิดว่า การศึกษาในระดับในนี้เป็นการลงทุน อยากเรียนต่อต้องกู้เอาจาก กยศ. 

ปีนี้ที่ต่างจากปีที่แล้วแบบชัดมากๆ คือ ปีนี้ จำนวนทุนที่พร้อมให้นักเรียนเพียง 40 คนเท่านั้น เทียบกับปีที่แล้วที่ระดุมทุนได้กว่า 27 ล้านบาท และมอบทุนให้นักเรียนได้ถึง 109 คน เห็นได้ชัดว่าปีนี้โครงการนี้ได้เงินบริจาคและทำกิจกรรมขายของน้อยกว่าปีที่แล้วอย่างมาก แอบเดาว่าคงเป็นกระทบจากโควิดที่ลากยาวด้วยส่วนหนึ่ง และปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลจากกระแสการวิพากษ์วิจารณ์โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ที่ทำให้กิจกรรมต่างๆ ทำไม่ได้ตามเป้า และอาจมีอุปสรรคในแง่ของการสื่อสารโครงการรวมอยู่ด้วย 

พอเห็นข้อมูลแบบนี้ ก็มีคำถามคาใจอยู่บ้างเช่นกัน แม้ว่าโดยส่วนตัวจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องการทำบุญเท่าไหร่ (เคยเขียนถึงเรื่องทำบุญว่า มันสร้างปัญหายังไงไว้ 2 ปีที่แล้ว https://www.kokoyadi.com/philanthropy/) แต่เหตุการณ์นี้ ผมรู้สึกว่าเป็นโจทย์ยากพิลึกเลยนะครับ ว่า ถ้าคำวิจารณ์ทำให้คนทำบุญน้อยลง  เพราะคาดหวังให้มีการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างมากกว่าการทำบุญที่คิดว่าเป็นแค่เรื่อง “ฉาบฉวย” พร้อมไปกับการคาดหวังให้พี่ตูนเรียกร้องนโยบายการศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึงจากรัฐ หรือ ความสมเหตุสมผลของการใช้งบประมาณ แบบเลิกซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำก็เลี้ยงเด็กยากจนได้ทั่วประเทศแล้ว 

แต่การจะแก้ไขปัญหาเชิงระบบแบบนี้ ที่มีทั้งเรื่องกฎระเบียบ ขั้นตอน รวมถึงความเป็นไปได้ทางการเมืองต่างๆ จึงย่อมจะแก้โจทย์ไม่ได้ภายในชั่วข้ามคืน  ทำให้รู้สึกว่าการบริจาคในกรณีนี้ ยังรู้สึกว่าจำเป็นในการจัดการปัญหาที่เฉพาะหน้ามากๆ 

เพราะว่าการให้ความช่วยเหลือปัญหาการเข้าถึงการศึกษาแบบที่ช่วยแบบที่ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายด้วย เป็นหลักประกันที่สำคัญสำหรับน้องๆ ที่คาดว่าคงไม่ได้เรียนต่อแน่ๆ จากลักษณะร่วมที่น้องๆ รุ่นม. 3 ที่อายุประมาณ 14-15 หลายร้อยคนในประเทศนี้เจอ คือ เรียนดี (ซึ่งสำหรับผม 3 ขึ้นไปนับว่าเรียนได้แล้วนะครับ) ทำกิจกรรมบ้าง แต่สภาพครอบครัวรายได้น้อย มีพ่อแม่อายุในช่วง 35-45 บ้าง พ่อแม่หย่าร้างบ้าง อยู่กับยายบ้าง หรือกรณีที่รุนแรงมากคือพวก domestic violence ในรูปแบบต่างๆ 

ดังนั้น การให้ทุนสำหรับน้องๆ กลุ่มนี้ จึงเป็น “การตัดตอนปัญหาความยากจนข้ามชั่วคน” ที่สำคัญมากๆ ที่เว้นการช่วยเหลือไปหรือช่วยคนได้น้อยลง ก็จะมีน้องๆ ที่โตในตลาดแรงงานราคาไม่สูง และจะแก้ปัญหาความยากจนสำหรับเขาก็ย่อมยิ่งจะยากขึ้นไป และอาจจะต้องไปแก้ในอีกรุ่นของลูกของพวกเขาก็ตาม 

นอกจากนี้ ในกระบวนการคัดเลือกโครงการนี้ มีคำถามที่ทำให้เรารู้จักเด็กแบบที่น่าสนใจดี คือ นักเรียนจะต้องเขียนตอบคำถามว่า

“ถ้าหากขอพรวิเศษได้ 3 ข้อ ผู้ขอรับทุนจะขออะไร เพราะอะไร จึงขอสิ่งนั้น”

ความรู้สึกแรกเพราะอ่านงานของเด็กๆ ไปสักพัก แล้วรู้สึกว่าพรวิเศษของเด็กๆ ปีนี้ต่างจากรุ่นที่ผ่านมา คือ เด็กๆ รุ่นที่แล้วจะมีพร ที่อยากได้ ไปไกลกว่าแค่ ครอบครัวหรือตัวเอง คือ ขอให้ชุมชนที่เค้าอยู่ดีขึ้น มีหลายเรื่องที่เป็นประเด็นทางสังคม ที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องรอบตัวของชุมชน/หมู่บ้านของเขา เช่น ความเจริญ ปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม การเผาป่า การจัดการขยะ การทำมาหากินของผู้ใหญ่ ฯลฯ หรือแม้การจินตนาการพรของเขาที่เชื่อมโยงถึงอาชีพในอนาคตของเขาได้

แต่กับเด็กรุ่นนี้ เท่าที่ผมอ่าน ส่วนใหญ่เค้าจินตนาการถึงเรื่องเหล่านั้นไม่ค่อยออก และต้องไม่ลืมว่าเด็กรุ่นนี้ คือ นักเรียนที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด 2 ปี และเป็น 2 ปีที่ต้องเรียนออนไลน์ และได้โอกาสเรียนรู้น้อยกว่าภาวะปกติ  และในฐานะที่เคยเป็นครูมาก่อน เรารู้สึกว่าความสามารถทางภาษาต่างไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใหญ่เป็นประโยคความเดียว เป็นภาษาที่ไม่มีความซับซ้อน ไม่มีประโยคที่ร้อยเรียงคำและความหมายแบบเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อเทียบปีที่แล้ว และเรื่องราวที่เล่ามาก็ไม่ได้ไกลกว่าเรื่องตัวเองและครอบครัว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะตำหนิอะไรกัน แต่อยากสะท้อนว่าภาวะโควิดทำร้ายการเรียนรู้และโอกาสในการใช้ชีวิตของเด็กที่จะเรียนรู้และอยู่กับสังคมที่มีเรื่องราวมากมาย

เล่ามาซะยึดยาวเนี่ย เพราะนอนไม่หลับและคิดว่าทำไมเรื่องนี้โจทย์มันซับซ้อนจัง และก็อยากจะบอกว่า เรายังเชียร์ให้มีโครงการ ”ก้าวเพื่อน้อง” นี้ต่อไป และถ้าจะคาดหวังให้โครงการนี้เลิกไป จริงๆ ก็เพราะเหตุผลว่าสังคมไทยพร้อมจะโอบอุ้มผู้คนผ่านนโยบายที่ inclusive และ effective มากกว่าการที่จะเลิกโครงการคำวิพากษ์วิจารณ์ครับ

ก่อนเลือกตั้ง มาตรวจการบ้านเดิมก่อน

ก่อนเลือกตั้ง มาตรวจการบ้านเดิมก่อน

ชวนอ่านงาน “ตรวจการบ้านผู้ว่าฯ คนเดิม เติมผู้ว่าฯ คนใหม่” กันครับ

https://tdri.or.th/…/bangkok-governor-monitoring…/

ซึ่งงานนี้ พวกเราทีม TDRI และ UddC คุยเตรียมตัวกันตั้งแต่ต้นปีตอนที่ยังไม่ประกาศเลือกตั้งด้วยซ้ำนะครับ นักวิจัยกว่า 30 คน Zoom ประชุมกันหลายรอบถึงกรอบ ประเด็น โจทย์ และวิธีการเล่าเรื่องให้กระชับและตรงประเด็น

ประเด็นตกผลึกชัดตั้งแต่ต้นเมษายน และล๊อกคิวคนเกี่ยวข้องต่างๆ พร้อมแจ้งผู้สมัครที่มีชื่อในสื่อทุกท่านแล้วว่าพวกเราจะเสนองานวิจัยฉบับนี้ในประเด็นทั้ง 9 ที่ทีมวิจัยทำงานเกี่ยวข้องมา และชวนให้มาร่วมงาน

ก่อนงานเราคาดว่า จะมีผู้สมัครมาร่วมงานทั้งหมด 6 คน เพราะส่วนใหญ่ทุกท่านตอบรับอย่างดี แต่หลังจากมีเราส่งรายงานฉบับ 32 หน้าส่งให้ผู้สมัคร ก็มีผู้สมัครบางท่านอยากส่ง “ทีมนโยบาย” มาแทน และบางท่านถอนตัวด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ซึ่งในนามผู้จัดต้องขอสงวนเวทีให้กับผู้สมัครเท่านั้น ที่ต้องเล่าเพราะมีบางคน ร่วมถึงคนรู้จักก็คอมเมนต์ว่า ทำไมเราเชิญแค่สายที่เรียกว่า “ฝั่งประชาธิปไตย” เท่านั้น ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาแบบนี้นะครับ

แม้กิจกรรมนี้ จะมีแค่ “ผู้สมัคร 3 ท่านนี้เท่านั้น” ที่พร้อมมาตอบโจทย์เชิงนโยบายกับทีมวิจัยของพวกเรา แต่ทุกท่านกล้าหาญพอที่จะตอบคำถามยากๆ จากทั้งคุณจอมขวัญและอ.สมเกียรติ ผมจึงอยากชวนลองดูเวทีนำเสนอและบททดสอบการตอบโจทย์ของผู้สมัครทั้ง 3 เมื่อวานนี้

https://youtube.com/watch?v=QkT0znOOHz8%3Fstart%3D1

https://www.youtube.com/watch?v=QkT0znOOHz8

และแน่นอน อยากชวนให้ทุกท่านลองเลือกจากลิสต์นี้ นี่แหละ ผมว่าเป็น ผู้ว่าฯ ที่พร้อมเป็นของคน กทม. และเราจะใช้เขาและสนับสนุนเขาให้เป็นผู้ว่าที่คน กทม. จริงๆ และจะจุดประกายให้ทุกจังหวัดจะต้องมี ผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ และกล้าพูดแทนคนในพื้นที่ มากกว่าคนที่ส่วนกลางส่งไปทำหน้าที่… ขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ครับ… ขอบคุณจริงๆ

แถลงการณ์เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน 333 รายชื่อ เสนอเปิดเผย “ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data”

แถลงการณ์เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน 333 รายชื่อ เสนอเปิดเผย “ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data”

วิกฤตการณ์การระบาดของโควิด-19 สร้างความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชน ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ สาธารณสุข
และสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นในระบบราชการและการบริหารจัดการของรัฐบาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การบริหารจัดการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรม คือ กุญแจสำคัญในการผ่านวิกฤตในครั้งนี้ “การเปิดเผยข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data” จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วย สื่อสารว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะบริหารจัดการวัคซีนอย่างโปร่งใส เปิดโอกาสให้สังคมได้มีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูล เข้าใจในกระบวนการตัดสินใจของภาครัฐ และนำไปสู่บรรยากาศของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคสังคม ซึ่งจะช่วยให้สังคมมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ ให้ความมั่นใจกับประชาชน และลดปัญหาความสับสนจากปัญหาข่าวลือและข่าวปลอม

เครือข่ายนักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชน ดังมีรายชื่อแนบท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้ จึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 41 (1) ประกอบมาตรา 59 และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ซึ่งรับรองสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะที่อยู่ในครอบครองของรัฐและกำหนดเป็นหน้าที่ให้รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่ประชาชน โดยเสนอให้รัฐบาล ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผย “ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19” ดังรายการต่อไปนี้ 

1. เปิดเผยกระบวนการเสนอ อนุมัติ และลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนที่ผ่านมาและในอนาคต รวมถึงเงื่อนไขสำคัญๆ ในสัญญาจองซื้อและจัดซื้อวัคซีนทุกยี่ห้อ อาทิ จำนวนโดส อายุสัญญา กำหนดการส่งมอบ บทลงโทษกรณีส่งมอบล่าช้า การยกเว้นความรับผิดให้กับผู้ผลิต เป็นต้น

2. เปิดเผยแผนการจัดหาวัคซีนทุกชนิดต่อสาธารณะ รวมทั้งแผนการทดแทนวัคซีนที่ขาดแคลนในปัจจุบันและการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในอนาคต 

3. เปิดเผยหลักเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีรายละเอียดการจัดลำดับความสำคัญ และจำนวนกลุ่มเป้าหมายของการจัดสรร

4. เปิดเผยแผนการฉีดวัคซีนและการบริหารจัดการวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายที่วางหลักเกณฑ์ไว้

5. เปิดเผยความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนอย่างสม่ำเสมอเป็นรายวัน โดยมีรายละเอียด ชนิดวัคซีน บุคคลกลุ่มต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ พร้อมข้อมูลลักษณะประชากร ข้อมูลเชิงพื้นที่ (รายจังหวัด) และข้อมูลเชิงหน่วยงานที่ดำเนินการ 

โดยข้อมูลที่ต้องเปิดเผยให้เป็นไปตามมาตรฐาน Open Data Standard ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่ให้สื่อมวลชนและประชาชนสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ง่าย มีความละเอียด ครบถ้วน สมบูรณ์ อัพเดทอย่างสม่ำเสมอ และอยู่ในรูปแบบที่เครื่องสามารถอ่านได้ (Machine-Readble Format) เช่น ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ XLS หรือ CSV 

ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรม ขึ้นเกิดได้จริง ให้ประชาชนมีความหวัง และสร้างบรรยากาศที่พร้อมให้ร่วมมือกับรัฐบาลในการผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ 

เสนอแถลงการณ์ ครั้งแรก 26 กรกฎาคม 2564

ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมกันได้ที่ http://www.change.org/vaccine_th_open_data_Standard

รายชื่อกลุ่มแรก 333 รายชื่อ

1กชกร ธรรมชาติThe MATTER
2กนกวรรณ มะโนรมย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
3กมล สุกินสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม GreenNews
4กรชนก ชิดไชยสุวรรณคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร
5กรธนัท ศุภภะประชาชน
6กรรณิการ์ กิจติเวชกุลกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน
7กรัณย์พล​ จอมปรัชญาประชาชน
8กรุณพร เชษฐพยัคฆ์The MATTER
9กฤตนัย จงไกรจักรThe MOMENTUM
10กฤษณะ โชติสุทธิ์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
11กฤษนะ ละไลประชาชน
12กวิฎ ตั้งจรัสวงศ์มหาวิทยาลัยศิลปากร
13กษมาพร แสงสุระธรรมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
14กัญญาณัฐ ปริ่มผลa day
15กัลยาวีร์ แววคล้ายหงษ์Backpack Journalist
16กาญจนา เหล่าโชคชัยกุลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
17กานตชาติ เรืองรัตนอัมพรคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
18การดา ร่วมพุ่มคณะนิเทศศาสตร์​ มหา​วิทยาลัย​ธุรกิจ​บัณ​ทิตย์​
19กำพล จำปาพันธ์นักวิชาการอิสระ
20กิตติกาญจน์ หาญกุลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
21กิตติธัช ศรีพิชิตThe People
22กิตตินันท์ วัฒนธิติกุลThe MOMENTUM
23กิตยางกูร ผดุงกาญจน์The People
24กุลนารี เสือโรจน์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
25เกศศิรินทร์ มัธยทรัพย์โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ ม.มหิดล
26เกียรติศักดิ์ บังเพลิงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
27ขวัญชาย ดำรงค์ขวัญเพจมนุษย์กรุงเทพฯ
28คณิตตา จิตเจริญSalmon House
29คาลิล พิศสุวรรณa day
30คีรีบูน วงษ์ชื่นWAY magazine
31งามศุกร์ รัตนเสถียรสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
32จนิสตา เลิศสนองบุญSalmon House
33จรัสรวี ไชยธรรมสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม GreenNews
34จักรสิน น้อยไร่ภูมินักวิชาการอิสระ
35จันทนา เชื้อผู้ดีโรงพยาบาลกงไกรลาศ สุโขทัย
36จันทนี เจริญศรีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
37จามร เพชรนรินทร์Shot Doc
38จารุวรรณ รัตนโสภาสภาองค์กรของผู้บริโภค
39จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์a day
40จิรวัฒน์ เอื้อสังคมเศรษฐ์มหาวิทยาลัย​ศิลปากร
41จิรัชญา ชัยชุมขุนThe MATTER
42จิรัฏฐ์ ชนะชัยSalmonbooks
43จิราภรณ์ ศรีแจ่มThaiPBS
44จิราภรณ์ อรุณากูรคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
45จุฑามาศ ตั้งสันติกุลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
46จุฑารัตน์ กุลตัณกิจจาประชาไท
47จุฬภัทร ผการัตน์Salmon Podcast
48จุฬารัตน์ แสงปัสสาประชาชน
49เจริญลักษณ์ เพ็ชรประดีบสื่อออนไลน์ท้องถิ่นอีสานบิซ
50ฉัตรชนก ชัยวงค์a day
51ฉัตรชัย พึ่งดอนประชาชน
52ฉัตรฤดี ศิริลำดวนคณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
53ฉายสิริ พัฒนถาวรมหาวิทยาลัยศิลปากร
54เฉลิมพล ปทะวานิชSound Dimension Magazine
55ชญานิษฐ์ พูลยรัตน์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
56ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยาคณะนิเทศศาสตร์ฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
57ชนิดา ชิตบัณฑิตย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
58ชนิดา รอดหยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
59ชนินทร์ ชมะโชติบริษัท ดอคคิวเมเนีย จำกัด
60ชวิศ หินเงินLivingsoft Co., Ltd.
61ชัยณรงค์ กิตินารถอินทราณีกรุงเทพธุรกิจ
62ชัยธวัช สีผ่องใสคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
63ชัยพงษ์ สำเนียงคณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร
64ชาคริต นิลศาสตร์a day
65ชิบ จิตนิยมNationTV
66ญาณิน พงศ์สุวรรณมหาวิทยาลัยศิลปากร
67ญาธินี ตันติวิวัฒน์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
68ฐปณีย์ เอียดศรีไชยThe Reporters
69ฐานิดา บุญวรรโณคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
70ฐิตาภา สิริพิพัฒน์The Nation
71ฐิติชญา อนันต์ศิริภัณฑ์The MOMENTUM
72ฐิตินบ โกมลนิมิThe Active
73ฐิตินันท์ เต็งอำนวยคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
74ฐิติพันธ์ พัฒนมงคลนิตยสารสารคดี
75ฐิติยา พจนาพิทักษ์มหาวิทยาลัยศิลปากร
76ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุลคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
77ฐิรวัฒน์ แทบทับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
78ณขวัญ ศรีอรุโณทัยWAY magazine
79ณภัทร จักษุดุลย์ประชาชน
80ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ThailandFuture
81ณรงค์ฤทธิ์ สุมาลีมหาวิทยาลัยนครพนม
82ณรจญา ตัญจพัฒน์กุลThe101.world
83ณรรธราวุธ เมืองสุขสมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย
84ณัชพล เนตรมหากุลThe MOMENTUM
85ณัฐกร เวียงอินทร์The People
86ณัฐกานต์ อัครพงศ์พิศักดิ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
87ณัฐนนท์ จันทร์ขวางMain Stand
88ณัฐนนท์ ดวงสูงเนินSpaceth
89ณัฐพร เถาตะกูThe Opener
90ณัฐวุฒิ คล้ายขำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
91ณิชกานติ์ แววคล้ายหงษ์PPTVHD36
92ดนิตา ปุลพรวารินประชาชน
93ดวงแก้ว เธียรสวัสดิ์กิจคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
94ดวงมณี เลาวกุลคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
95ดำรงค์ฤทธิ์ สถิตดำรงธรรมThe People
96เดโชพล เหมนาไลยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
97ตติกานต์ เดชชพงศThe Opener
98ถมทอง ทองนอกคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
99เถกิง พัฒโนภาษจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
100ทศพล เพิ่มพูลa day
101ทัพพ์เทพ ภาปราชญ์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร
102ทัพพนัย บุญบัณฑิตบีบีซีไทย
103ทัศนียา รัตน์วงศ์NationTV
104ทินารมภ์ ฟิทซ์แพทริคประชาชน
105เทวฤทธิ์ มณีฉายประชาไท
106ไท แสงเทียนมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
107ธนกร วงษ์ปัญญาTHE STANDARD
108ธนชัย เกษรพิกุลThaiPBS
109ธนชาติ ศิริภัทราชัยSalmon House
110ธนดิษ​ ศรียานงค์The MOMENTUM
111ธนพล แก้วแดงSalmon House
112ธนะ วงษ์มณีLen.game
113ธนันต์พร ณ น่านประชาชน
114ธนาวิ โชติประดิษฐมหาวิทยาลัยศิลปากร
115ธนิสรา เรืองเดชPunch Up / ELECT
116ธมนวรรณ กัวหาThe MOMENTUM
117ธรรญฐ์ฌนก ศรีธเนศชัยประชาชน
118ธวัช มณีผ่องคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
119ธัญญารัตน์ โคตรวันทาThe People
120ธีรภาส ว่องไพศาลกิจSalmon House
121ธีระพล อันมัยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
122ธีระ วรธนารัตน์คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
123ธีรัตถ์ รัตนเสวีVoiceTV
124นงนภัส พัฒน์แช่มPPTVHD36
125นงนาถ กมลาศน์ ณ อยุธยาสื่อมวลชนอิสระ
126นทธัญ แสงไชยSalmon Podcast
127นลิน ธีรประทีปประชาชน
128นวลสวาท โชติชัยสถิตย์ข้าราชการบำนาญ
129นันทนา อติโพธิประชาชน
130นาตยา อยู่คงมหาวิทยาลัยศิลปากร
131นารากร ติยายนNationTV
132น้ำปาย ไชยฤทธิ์a day
133นิธิดา แสงสิงแก้วคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
134นิธิศ ฉินประสิทธิชัยThe MATTER
135นิลุบล ไพเราะมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
136นูรีซะห์ สือรีประชาชน
137บรรจง ชีวมงคลกานต์สถานีโทรทัศน์ ช่องเวิร์คพอยท์
138บัณฑิต จันทร์โรจนกิจคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
139บัณฑิต ศิริรักษ์โสภณโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
140บุญธรรม ขุนสากลอิสระ
141บุญวรา สุมะโนสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
142บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุลคณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร
143บุษกร​ คำโฮมมหาวิทยาลัย​อุบล​ราชธานี​
144ปฏิกาล ภาคกายSalmonbooks
145ปฏิมากรณ์ พูลแก้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
146ปฐมพงศ์ มานะกิจสมบูรณ์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
147ปณีต จิตต์นุกุลศิริครู
148ปพัชญา นิภานันท์PPTVHD36
149ประจักษ์ ก้องกีรติคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
150ประไพพิศ มุทิตาเจริญคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
151ประภัสสร อุประสินธุ์Salmon House
152ประวิตร โรจนพฤกษ์ข่าวสดอิงลิช
153ปรารถนา​ พรม​พิทักษ์​PPTVHD36
154ปริตตา หวังเกียรตินักข่าว/คอลัมนิสต์อิสระ
155ปรีดา อัครจันทโชติคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
156ปวิช ไชยรุตม์ประชาชน
157ปวีณ์กานต์ อินสว่างa day
158ปวีณา รุ่งเครือสื่อและนักวิชาการอิสระ
159ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัยThe101.world
160ปาริชาต สถาปิตานนท์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
161ปิยภูมิ กลมเกลียวนักวิชาการอิสระ
162ปิยะพร งามดวงกมลMission to the moon
163ปิยะวุฒิ​ กมล​พัฒน์วรกุล​Salmon lab
164เปาว์ ไวโรจน์พันธุ์นักวิชาการอิสระ
165เปี่ยมสุข สนิทจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
166ผดุงศักดิ์ เหล่ากิจไพศาลประชาชน
167เผ่า นวกุลนักวิชาการอิสระ
168พงศ์ธร ยิ้มแย้มThe MOMENTUM
169พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์The MATTER
170พงศ์สันต์ กิจกีรติกุศลเอกชน
171พงษ์ธร วราศัยคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
172พงษภัทร หงส์สุขสวัสดิ์สภาองค์กรของผู้บริโภค
173พนา ทองมีอาคมนักวิชาการนิเทศศาสตร์
174พรทิพย์ สัมปัตตะวนิชคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
175พรพรรณ​ เชย​จิตร​มหาวิทยาลัย​ศิลปากร​
176พรรณราย โอสถาภิรัตน์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
177พรรษาสิริ กุหลาบคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
178พริสม์ จิตเป็นธมworkpointTODAY
179พลพงศ์ จันทร์อัมพรโกล ประเทศไทย
180พลอยใจ ปิ่นตบแต่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
181พลอย ธรรมาภิรานนท์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
182พลอยธิดา เกตุแก้วThaiPBS
183พลอยรุ้ง สิบพลางThe MATTER
184พลอยศรี โปราณานนท์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
185พลัง ศรีสรินทร์ดอท ดีไซน์
186พวงทอง ภวัครพันธุ์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
187พัชรลดา จุลเพชรสภาองค์กรของผู้บริโภค
188พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
189พิจาริน เลิศสาโรจน์ประชาชน
190พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุลคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
191พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
192พิชัยวัฒน์ แสงประพาฬคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
193พิชิตศักดิ์ แก่นนาคำVoiceTV
194พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณAomMONEY
195พิพัฒน์ สุยะคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
196พิภู พุ่มแก้วกล้าอิสระ
197พิมลพรรณ ไชยนันท์คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
198พิม สุทธิคำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
199พิรงรอง รามสูตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
200พิษณุ คนองชัยยศคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
201พีชญาดา ไชยอิ่นคำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
202พีรพัฒน์ ขุนสวัสดิ์อิสระ
203พีระพงษ์ เตชะทัตตานนท์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
204พุทธพร แสงเทียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
205เพ็ชรธรินทร์ วงศ์เจริญคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
206เพ็ญนภา บุปผาเจริญสุขThe MOMENTUM
207ภัทรนันท์ ทักขนนท์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
208ภัทรภร ภู่ทองประชาชน
209ภานุมาศ สงวนวงษ์Thai News Pix
210ภาษิต อิสระสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
211ภูริพันธุ์ รุจิขจรคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
212มงคล ศรีธนาวิโรจน์a day
213มนต์​ศักดิ์​ ชัย​วี​ระ​เดช​มหาวิทยาลัย​ธรรมศาสตร์​
214มรรยาท อัครจันทโชติคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
215มัทนา​ เจริญ​วงศ์​มหาวิทยาลัย​ศิลปากร
216มานะ ตรีรยาภิวัฒน์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
217มานะ นิมิตรมงคลองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ
218ยชญ์ บรรพพงศ์Salmon House
219ยุทธชัย สว่างสมุทรชัยSalmon Podcast
220รชพร ชูช่วยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
221รอมฎอน ปันจอร์ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้
222วรรณพร เรียนแจ้งคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
223วรรณภา ติระสังขะคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
224วรวัฒน์ ฉิมคล้ายTHE STANDARD
225วริทธิ์ โชคทวีศักดิ์Salmon lab
226วเรศ จันทร์เจริญบริษัท สเปซ แซ่บ จำกัด
227วโรดม เตชศรีสุธีThe People
228วัชรพล สายสงเคราะห์The MATTER
229วัชระ จิรฐิติกาลกิจมหาวิทยาลัยศิลปากร
230วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์นักเขียน
231วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูรมหาวิทยาลัยศิลปากร
232วันอาสาฬห์ พิทักษ์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
233ว่าน ฉันทวิลาสวงศ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
234วาสนา ละอองปลิวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
235วิชญนันท์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจอิสระ
236วิชดา นฤซรพัฒน์ศูนย์สื่อสร้างสรรค์แห่งประเทศไทย
237วิภาช ภูริชานนท์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
238วิภาพร วัฒนวิทย์Backpack Journalist
239วิรุฬห์ วุฒิฤทธากุลมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
240วิโรจน์ สุขพิศาลThe101.world
241วิไลวรรณ จงวิไลเกษมคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
242วิศิษย์ ปิ่นทองวิชัยกุลคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
243วีรบูรณ์ วิสารทสกุลวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
244วีระวัฒน์ ภัทรศักดิ์กำจรคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
245ศนิ ลิ้มทองสกุลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
246ศรันย์ สมันตรัฐคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
247ศรายุธ ตั้งประเสริฐประชาไท
248ศศิวิมล ช่วงยรรยงอิสระ
249ศาสวัต บุญศรีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร
250ศิริพร ศรีสินธุ์อุไรคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
251ศิริมิตร ประพันธ์ธุรกิจมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
252ศิริรุ่ง ศรีสิทธิพิศาลภพชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม
253ศิริวรรณ สิทธิกานักเขียนบทความและบรรณาธิการอิสระ
254ศุพฤฒิ ถาวรยุติการต์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
255ศุภกาณฑ์ นานรัมย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
256ศุภชัย อารีรุ่งเรืองคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
257ศุภโชค อ่วมกลัดMain Stand
258สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์หมอความ (มหาชน)
259สนอง อูบคำข้าราชการบำนาญ
260สนานจิตต์ บางสพานนักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย
261สมจิต รุ่งจำรัสรัศมีสื่อมวลชนอิสระ
262สมชาย แย้มชัยสารประชาชน
263สมศักดิ์ เนตรทองPPTVHD36
264สมัชชา นิลปัทม์คณะวิทยาการสื่อสาร ม.สงขลาครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
265สมิทธิรักษ์ จันทรักษ์นักวิชาการอิสระ
266สรกล อดุลยานนท์สื่อมวลชนอิสระ
267สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์นักวิชาการอิสระ
268สรพจน์​ เสวน​คุณากร​คณะ​ศิลปศาสตร์​ มหา​วิทยาลัย​อุบล​ราชธานี​
269สร้อยมาศ รุ่งมณีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
270สรารัตน์ รัตนสุวรรณNationTV
271สฤณี อาชวานันทกุลเครือข่ายพลเมืองเน็ต
272สันติรักษ์ ประเสริฐสุขมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
273สาริศา เลิศวัฒนากิจกุลa day
274สาริสา สิงห์ยะบุศย์สสจ. ยโสธร
275สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
276สุกัญญา สมไพบูลย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
277สุชัย เจริญมุขยนันท77 ข่าวเด็ดอุบลราชธานี
278สุชาดา​ จักรพิสุทธิ์สื่อมวลชนอิสระ
279สุชิตตา เก่งธัญญการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
280สุดถนอม รอดสว่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
281สุดารัตน์ พรมสีใหม่a day
282สุปัน รักเชื้อสื่อมวลชนอิสระ
283สุภกร บัวสายนักวิชาการอิสระ
284สุภชาติ เล็บนาคThe MOMENTUM
285สุรพศ ทวีศักดิ์มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
286สุรวัฒน์ ชลอสันติสกุลคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยศิลปากร
287สุริยัน ปัญญาไวสื่อมวลชนอิสระ
288เสนาะ​ เจริญพร​ม.อุบล​ราชธานี​
289โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
290องค์การ สารศิริวงศ์ประชาชน
291อดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC)
292อดิศักดิ์​ ลิมปรุ่งพัฒนกิจNationTV
293อดิศักดิ์ สายประเสริฐประชาชน
294อติ บุญเสริมPPTVHD36
295อธิคม ภูเก้าล้วนสื่อมวลชนอิสระ
296อธิพัชร์ วิจิตสถิตรัตน์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
297อนุรุจน์ วรรณพิณReadery
298อนุสรา กอสัมพันธ์Salmon House
299อภิชาต​ สถิต​นิรา​มัย​คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
300อภิสิทธิ์ ดุจดาPPTVHD36
301อภิสิทธิ์ เรือนมูลWAY magazine
302อรรคณัฐ วันทนะสมบัติสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
303อรรณนพ ชินตะวันคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร
304อรรถพล ปะมะโขคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
305อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
306อรสา ศรีดาวเรืองWAY magazine
307อริน เจียจันทร์พงษ์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร
308อรุชิตา อุตมะโภคินThe Active
309อังกูร หงษ์คณานุเคราะห์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
310อังคณา หวังUniversity of Florida
311อัศวิน เนตรโพธิ์แก้วคณะนิเทศศาสตร์ฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
312อัศวิน ปินใจVoiceTV
313อาจินต์ ทองอยู่คงคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
314อาทิตย์ชัย แซ่เบ๊เอกชน
315อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุลทรินิตีคอลเลจดับลิน
316อาทิตยา อาษานักวิจัยอิสระด้านสตรี เพศสถานะ และเพศวิถี
317อิทธิ ตริสิริสัตยวงศ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
318อินทร์แก้ว โอภานุเคราะห์กุลworkpointTODAY
319อิสร์กุล อุณหเกตุคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
320อิสระ อนันตวราศิลป์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
321อุดมธิปก ไพรเกษตรสำนักข่าว BeeVoice
322อุ่นกัง แซ่ลิ้มคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
323เอกพล เธียรถาวรคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
324เอกพล บรรลือTHE STANDARD
325เอกพันธุ์ ปิณฑวณิชประชาชน
326เอกพิชัย สอนศรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
327เอก รักตประจิตสามัญชน
328เอกรัฐ ตะเคียนนุชสถานีโทรทัศน์ ช่องวัน31
329เอกสุดา สิงห์ลำพองมหาวิทยาลัยศิลปากร
330เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา
331เอื้อบุญ จงสมชัยVoiceTV
332Aree Chaisatienอิสระ
333Parichat Chayapanมหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมในม็อบเราจึงเห็นการเคลื่อนไหว นักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชาย

ทำไมในม็อบเราจึงเห็นการเคลื่อนไหว นักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชาย

เมื่อวานนี้ เผอิญมีโอกาสได้เล่าเรื่อง Data Journalism ให้กับกลุ่มนักศึกษา 3 มหาวิทยาลัยที่ส่วนเป็นหนึ่งของ Data Incubator ที่อาจารย์พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพยายามผลักดันให้เกิดในวิชาของกลุ่มคณะนิเทศศาสตร์จากทั้ง จุฬาฯ มศว. และศิลปากร

ผมเลยเตรียมเรื่องสั้นๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ไปพูด 3 เรื่อง แต่มีคนอยากรู้ว่าพูดอะไรไป โดยเฉพาะส่วนที่อาจารย์พิจิตราพูดถึงใน facebook ว่า “พี่โก้จาก TDRI โชว์ให้เห็นว่า นร. ที่ถูกลงโทษถูกใน รร. เป็นผู้หญิง กับ LGBTQ ในโรงเรียนต่างจังหวัดเยอะมาก ซึ่งก็วิเคราะห์ให้เห็นถึงแรงกระเพื่อมในม็อบเด็กที่เกิดมาจากปัญหาที่สะสมจน เด็กมันมาเดินถนนทุกวันนี้”

เลยจะเอาแค่ 1 เรื่องในส่วนนี้มาเล่าให้ฟังนะครับ ซึ่งจริงๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่ทีมพวกเราทำข้อมูลไปออกรายการที่ The Standard X TDRI ตอน “เปิดเบื้องหลังม็อบนักเรียนไทย เมื่อห้องเรียนไทยวิ่งตามเด็กไม่ทัน”

Key Message ของตอนนี้ คือ เมื่อพ่อแม่ส่วนใหญ่ทั้งระดับโลกและไทยต่างเลี้ยงดูลูกเปลี่ยนไปตามความเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่โรงเรียนที่เป็นพื้นที่เพาะบ่มเด็กนักเรียนกลับเปลี่ยนแปลงไม่ทัน กฎระเบียบ วิธีการเรียนการสอนในโรงเรียนยังปรับตัวตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลง ยังเป็นพื้นที่อำนาจนิยมที่ครูเป็นใหญ่

พวกเราเลยอยากรู้ว่าข้อสมมุตินี้จริงหรือไม่

จึงลองตั้งคำถามง่ายๆ ด้วย Google Form ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร โดยตั้งคำถามไว้ 5 ข้อว่า

  1. คุณเอง ยังถูกทำโทษทางร่างกายในโรงเรียนอยู่หรือไม่?
  2. รูปแบบ ที่โดนลงโทษ
  3. สาเหตุ ที่โดนลงโทษ
  4. คิดว่าผลการเรียนของคุณอยู่ในระดับไหน
  5. โรงเรียนของคุณอยู่ในภาคไหน

โดยให้ผู้ตอบได้ตอบคำถามระบุเพศว่า เป็นชาย หญิง หรือ LGBTQ ไว้ด้วย

ซึ่งอันนี้ ผมก็ได้เล่าให้ทุกท่านฟังว่า อันนี้เป็นโจทย์ที่เราอยากรู้และลอง Survey แบบเร็วๆ มากๆ คือ ออกอากาศตอนค่ำ แต่คิดว่าอยากจะ Survey ถามน้องๆ กันตอน 11 โมงเช้าในวันนั้น ช่วงเที่ยงทีมก็ทำ Form พร้อม Banner สำหรับโพสใน Twitter และบรรดา Network ลูกเพื่อนหลานเพื่อนที่เรียนมัธยมให้ช่วยกันแชร์ ประกอบกับในวันนั้น มีคลิปครูฝึกสอนลงโทษเด็กด้วยการให้ยกเก้าอี้ลุกนั่งในห้องวิทยาศาสตร์ซึ่งมีคนแชร์กันระดับ 112K ทำให้แบบสอบถามนี้ ถึงช่วงหัวค่ำที่เราประมวลผลเพื่อไปออกอากาศก็มีคนตอบมาประมาณอีกนิดนึงก็ 100 คนพอดี (แต่ผลที่ประมวลไปโชว์ N=125 นะครับ)

แม้จะเป็น Survey แบบเร็วๆ แต่ผลที่ออกมาก็น่าประหลาดใจเล็กๆ นะครับว่า ทั้งที่ประเทศไทยยกเลิกการลงโทษนักเรียนด้วยวิธีรุนแรงมานานแล้ว แต่ยังมีนักเรียน 62 % ที่บอกว่ายังโดนทำโทษทางร่ายกายอยู่ โดยรูปแบบการทำโทษทางร่างกายที่มากที่สุด การตีด้วยสิ่งของ เช่น ไม้เรียวและอื่นๆ  แม้ว่าการลงโทษทางร่างกายจะยกเลิกไปตั้งแต่สมัยที่คุณจาตุรนต์ ฉายแสงเป็น รมต.ศึกษาธิการแล้วนะครับ

ส่วนสาเหตุที่ถูกทำโทษมากที่สุด คือ เรื่องการคุยเสียงดังในห้องเรียน และ การแต่งกายผิดระเบียบ

สำหรับผมแล้ว ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของเรื่องนี้ คือ ผมวางคำถามไว้ เรื่อง “โรงเรียนของคุณอยู่ในภาคไหน” เพราะอยากรู้ว่า Location มีผลต่ออัตราการลงโทษหรือไม่ ซึ่งด้วยจำนวนของการตอบแบบสอบถามไม่ได้มีจำนวนมากพอที่จะบอกอะไรได้

เราจึงลองเอาข้อมูลของคนตอบที่ว่าอยู่ใน กทม.และปริมณฑลออก เพื่อดูว่าต่างจังหวัดอยู่ในเรตที่ต่างๆ มากน้อยเพียงใด ซึ่งเห็นตัวเลขแล้ว แม้ไม่แปลกใจ แต่คิดไปคิดมายิ่งตกใจ เพราะตัวกลับเพิ่มจาก 62% เป็น 80% เลย

นั่นแปลว่า ยิ่งโรงเรียนต่างจังหวัด ยิ่งมีการลงโทษทางร่างกายอยู่มาก ยิ่งแสดงถึงอำนาจนิยมที่มีในโรงเรียนที่ยิ่งสูงมาก

และเมื่อเอาข้อมูลเรื่องเพศมาดู เลยเริ่มเข้าใจว่า ทำไมในม็อบเราจึงเห็นการเคลื่อนไหว นักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชายแบบสังเกตเห็นได้ชัดมาก

เพราะเมื่อดูข้อมูลรายเพศ นักเรียนชายมีเพียง 43% ที่ยังโดนลงโทษทางร่างกายอยู่ แต่เป็นนักเรียนหญิงและ LGBTQ ตัวเลขจะเพิ่มเป็น 68% และ 69% ตามลำดับ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่พื้นที่ในโรงเรียนที่วางความคาดหวังในกรอบการกระทำ การแต่งกาย จริยธรรม ฯลฯ บนความคาดหวังต่างๆ ทางเพศ เช่น ผู้ชายชนเป็นเรื่องปกติ แต่ผู้หญิงต้องเรียบร้อย แต่งกายเหมาะสม (มากกว่าชาย) และ LGBTQ ก็คงมีกรอบเรื่องเพศสภาพที่ไม่ต่างกัน ทำให้โรงเรียนที่ใช้การลงโทษทางร่ายกายเป็นเครื่องมือในการควบคุมมาตรฐานที่ครูคาดหวัง

นักเรียนหญิงที่ถูกกำกับ การแต่งกาย พฤติกรรม ค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยจึงต้องแสดงออกคุณค่าอีกแบบที่สวนทางกับอำนาจที่ครอบไว้ พร้อมกันทั่วทุกหนแห่ง…

และเมื่อพอได้ทำเรื่องนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกอย่างนึงมากๆ คือ เสียงและความรู้สึกปัญหาของผู้คนและเยาวชนในต่างจังหวัดหลายๆ เรื่องมันเขย่าและดังพอให้คนในประเทศได้รับรู้มากเพียงใด

และใครที่คิดว่าปรากฎการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นนั้น เป็นมีคนอยู่เบื้องหลัง มีใครล้างสมองเด็กๆ อยู่นั้นล่ะก็ อาจต้องมองใหม่ว่า สังคมเทคโนโลยีข่าวสาร การเลี้ยงดูเยาวชนที่เป็น Global Citizen หล่อหลอมให้นักเรียนนักศึกษาวันนี้ เห็นโลกเร็ว เห็นโลกต่างๆ ไม่ยาก และรู้จักเลือกเปรียบเทียบแบบ Digital Native ปัดซ้าย ปัดขวา เลือกของรักคนรัก เลือกอนาคต เลือกตัวตนของตัวเองกว่าคนรุ่นก่อนหน้าแน่ๆ ครับ

การปฏิเสธอำนาจนิยมในโรงเรียนมันเลยลามถึงอำนาจนิยมในปริมณฑลอื่นๆ ได้ไม่ยากครับ

ป.ล. ใครสนใจดูวีดีโอฉบับเต็มได้ที่